เสียงในเงามืด - เสียงในเงามืด นิยาย เสียงในเงามืด : Dek-D.com - Writer

    ผู้เข้าชมรวม

    64

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    64

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 พ.ค. 67 / 10:18 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ผมชอบการกางเต็นท์มากเมื่อถึงวันหยุดยาวผมมักเพื่อนๆไปกางเต็นท์ วันนั้นเราไปกัน 3 ครอบครัว มีผมกับแฟนของผม บอยกับเมย์ หมิวกับจ๊าบ เราได้เลือกไปจังหวัดหนึ่งที่เขาว่าล่องแก่งสนุกมากๆน้ำเปิดปิดเป็นเวลา เราเลือกที่จะไปวันที่2 ของวันหยุดเพราะคิดว่าคนคงจะน้อยไม่วุ่นวาย เมื่อไปถึงลานกางเต็นท์พวกเราก็ได้หาจุดที่เหมาะที่สุด ซึ่งจุดที่เราได้คือมุมในสุดของลาน แต่วันที่เราไปเป็นวันที่ทุกคนเริ่มทยอยกลับเหลือแค่ 3 กลุ่มรวมกลุ่มของพวกเรา ซึ่งแต่ละกลุ่มก็ตั้งห่างกันพอสมควร เมื่อพวกเรากางเต็นท์เสร็จพวกเราก็ได้พากันเล่นน้ำสนุกสนามจนเวลาผ่านไปถึงช่วงเย็น ผมขึ้นมาจากน้ำและเดินไปยังจุดขายของที่ทางเข้าแต่เมื่อไปถึงร้านก็ไม่เจอใครและร้านก็ปิดไปแล้ว เลยโทรไปถามเจ้าของลาน เจ้าของแจ้งว่าวันนี้จะไม่มีคนเฝ้าลาน ผมรู้สึกสงสัยมากทำไมถึงไม่มีคนนอนเฝ้าแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เมื่อผมกำลังจะเดินกลับผมมองไปที่ริมน้ำเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอุ้มลูกน้อยมองไปที่น้ำอยู่มุมสุดของอีกฝั่งหนึ่ง เธอดูเศร้าบรรยากาศตอนนั้นเป็นช่วงจะ6โมงเย็นแล้ว สายลมเย็นโชยมากับความเงียบ ผมไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะคิดว่าเธอคงอกหักหรือมีปัญหาส่วนตัวคงอยากนั่งผ่อนคลาย ผมจึงได้เดินกลับไปเต็นท์ แต่จังหวะที่ผมกำลังเดินกลับผมหันไปมองเธออีกครั้งแต่ไม่เห็นเธอแล้ว คิดว่าลงน้ำหรือโดดน้ำผมคงได้ยินเสียงเด็กบ้างเพราะตอนนั้นลานเงียบมาก แต่ถ้าจะเดินกลับก็ไม่ไวขนาดที่จะไม่เห็นแล้ว ผมได้แต่สงสัยและรีบเดินกลับไปที่เต็นท์ พอมาถึงผมก็ไม่ได้เล่าให้เพื่อนๆฟังเพราะกลัวทุกคนจะกลัวและทำลายบรรยากาศความสนุก เมื่อถึงช่วง6โมงครึ่งแล้วเขื่อนจะปิดน้ำน้ำก็จะเริ่มแห้ง พวกเราพากันไปอาบน้ำพักผ่อนเพื่อรอทำมื้อค่ำทานกัน เมื่อถึงเวลามื้อค่ำพวกเราได้ออกมาจับกลุ่มทำอาหารคุยกันเฮฮา ซึ่งบรรยากาศตอนนั้นเงียบมาก ลมเย็นโชยมาเป็นระยะ พร้อมกกับความมืดที่มีเพียงแสงไฟจากเต็นท์เท่านั้น  ตู้ม!!!  ยัยเมย์ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “ ใครกระโดดน้ำอ่ะ” แล้วพวกเราก็เงียบและมองหน้ากันเพราะอย่าลืมว่า น้ำเขื่อนปิดแล้วน้ำตรงลานเราแห้งแทบจะไม่เหลือน้ำแล้ว แล้วเสียงโดดน้ำเมื่อกี้คือเสียงอะไร   จ๊าบรีบไปหยิบไฟฉายแล้วส่องไปยังจุดที่คิดว่าเป็นที่มาของเสียง แต่ก็ไม่พบอะไร เราได้แต่นั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ผมจะชวนเปลี่ยนเรื่อคุย แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะ พวกเราก็ได้ยินเสียงคนเดินมาบนทางน้ำที่เกือบจะแห้งสนิท เดินมาใกล้เราเรื่อยๆ จนใกล้มาก จ๊าบเลยส่องไฟฉายไป พวกเราหันไปมองพร้อมกันแต่กลับไม่พบอะไรเลย เราเริ่มรู้สึกไม่ดีแล้วจังหวะนั้น คิดว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แฟนผมแล้วก็ ยัยหมิว ยัยเมย์ พากันเดินไปถามเต็นท์ที่อยู่ไม่ไกลว่าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆไหม ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า คิดว่ากลุ่มพวกเราลงไปเล่นน้ำกันเลยไม่ได้คิดอะไร เราเลยตอบกลับไปว่าเราไม่มีใครลงไปเล่นน้ำเลย และอีกกลุ่มก็ปิดเต็นท์นอนกันแล้วและอยู่ไกลมากจากเรา พวกเธอเลยเดินกลับมาเล่าให้เราฟัง บรรยากาศตอนนั้นเงียบมากมีแค่เสียงลมและเสียงใบไม้ พวกเราเลยโทรไปหาเจ้าของลาน เจ้าของลานพูดแบบปัดๆไม่อยากมาและให้ลูกน้องมาดูแทน เรารอจนผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงยังไม่มีใครมา แต่ก็ไม่ได้โทรตาม จนช่วงเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแฟนผมแสดงอาการเหมือนช็อคกลัวและจะขอเข้าไปนอนผมเลยตามเธอตามเข้าไป เแล้วถามว่าเป็นอะไรเธอบอกผมว่า เธอหันไปฝั่งตรงข้ามช่วงนั้นจะเริ่มสว่างเพราะคืนนั้นพระจันทร์เต็มดวงแสงจากพระจันทร์ถือว่าสว่างพอสมควร เธอบอกว่าเธอเห็นคนนั่งมองมาที่พวกเรา มองแบบจ้องแล้วยิ้มมาให้ ผมจึงรีบออกไปแล้วมองไปแต่ก็ไม่เห็นอะไร เลยบอกว่าเธออาจะมองผิด นอนพักก่อนก็ได้ แล้วผมออกมานั่งกับกลุ่มเพื่อนและเล่าให้ฟังเพื่อนๆฟัง จ๊าบรีบพูดมาทันทีว่า “ ฉันก็เห็นแต่เห็นหลายคนเลย ตอนที่ได้ยินเสียงคนเดินแล้วส่องไฟไป นั่งอยู่ฝั่งนั้นแล้วมอง มองมาที่เรา มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้ชายผู้หญิงเยอะมาก ” ลมเย็นพัดมาทำให้พวกเราขนลุก และมาพร้อมกับเสียงคนเดินแต่รอบนี้เสียงดังและดูเหมือนคนเดินกันมาเป็นกลุ่มๆ เราจึงโทรตามกับเจ้าของอีกที จนลูกน้องเขารีบมา มาด้วยอาการกล้าๆกลัวๆ รีบมาบอกเราว่า “ สงสัยจะคนหาปลาพี่หรือไม่ก็ทหารเดินทางไกลนั้นแหละพี่ไม่มีอะไรหรอก ” ผมจึงถามไปว่า “ทหารค่ายอะไร ” แต่พนักงานกลับตอบไม่ได้แล้วบอกว่าคืนนี้อย่าออกไปเลยนะพี่ ค่อยออกตอนเช้าดีกว่า แล้วเขาก็ขี่รถออกไป ทิ้งความสงสัยให้กับพวกเรามากมาย เพราะถ้าคนหาปลาทำไมเราถึงส่องไฟไปไม่เจอ ถ้าเป็นทหารเรายิ่งสงสัยททำไมถึงเดินมายังจุดที่เราพักผ่อนกัน ทำไมลานไม่มีคนเฝ้า พวกเรารีบเก็บของและเข้านอน จนเช้าผมจึงเดินไปถามพนักงานคนเดิมเรื่องผู้หญิงอุ้มลูก เขาบอกว่าแถวนี้ไม่มีนะพี่ ถ้าจะมีก็มีแค่คนท้องแต่ท้องได้แค่ 3 เดือนเอง ผมเลยเดินกลับไปที่เต็นท์พร้อมกับความกลัวและสงสัย ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร…. 

    พวกเรารีบพากันออกจากจุดกางเต็นท์ตั้งแต่เช้าและได้ไปนั่งผ่อนคลายที่ร้านอาหารซึ่งมีนั่งเรือล่องแก่งล่องน้ำตามเรือ เราจึงเช่าเรือไปล่องแก่งซึ่งมีลุงแก่ๆ เป็นคนพายพาพวกเราล่องแก่ง ผมเลยลองเล่าเรื่องให้ลุงแกฟัง ลุงแกบอกมาว่าแถวนั้นไม่มีหรอกทหารถ้าสิ่งที่เจอก็คงจะเป็นพวกผีที่ตายโหง ตายตั้งแต่สมัยสงครามแล้ว ไม่ก็พวกที่โดนน้ำป่า เขาคงมาขอส่วนบุญนั้นแหละ พวกเราได้แต่นั่งเงียบไม่มีใครกล้าลงล่องน้ำเลยสักคน….

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×